เราแม่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ได้ 3 ปี บ้านเรามี 3 คน มีแม่ เราแล้วก็ยายอายุ 99 ช่วยตัวเองไม่ได้ เราต้องออกจากงานมาดูแล เพราะ ญาติพี่น้องไม่มีใครเอายาย คือ ช่วยค่าใช้จ่าย แต่ถ้าจะเลี้ยงก็จะให้ไปอยู่ศูนย์รับเลี้ยง แต่เดิมบ้านเราอยู่แถวสำเพ็ง มีอะไรช่วงไหนเทศกาลไม่เทศกาลก็แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ แต่พอมาอยู่บ้านใหม่แถวบางแค มาเจอเพื่อนข้างบ้านมันก็มีปัญหาเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้น คือ ตัวเราเองตอนนี้อยู่บ้านกับยาย 2 คน ส่วนแม่ก็ออกไปขายของดึกๆ ถึงกลับบ้าน ด้วยนิสัยส่วนตัวเราก็ไม่ค่อยชอบยุ่งกับใคร ถ้าเราไม่เห็นว่าเออคนนี้นะ คือ เพื่อน คือ น้า คือ พี่ อะไรแบบนี้ บางทีเราไปไหนมาไหน ก็มักมีของมาฝากน้าข้างบ้านตลอด บางทีรุ่นน้อง รุ่นพี่ เพื่อน ซื้อของมาฝากเราก็มักเอามาแบ่งให้คุณน้าข้างบ้าน บางทีเราได้บัตรส่วนลด หรือได้ของอะไรมา เราก็มักเอาไปให้เพื่อนข้างบ้าน ให้กันไปให้กันมา บางทีมี จม. มา ข้างบ้านเราไม่อยู่ เราก็เก็บ จม. ไว้ให้ ส่วนคุณน้าข้างบ้านเวลาเขาทำอาหาร ก็มักมีทำเผื่อเรา กับแม่เสมอ พี่ชาย พี่สาวข้างบ้านทำงาน ตปท. เวลากลับไทยก็มักมีของมาฝากบ้านเราเสมอ
แต่ปัญหามันอยู่ที่ลูกคนเล็กของบ้านนี้ ซึ่งอายุเท่าเรา เป็นคนโลกส่วนตัวสูง แล้วอนาคตต่อไป อาจต้องอยู่กับเขาไปอีกนาน และเป็นส่วนใหญ๋ ถ้าพ่อเขาเสีย (ตอนนี้เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย) คุณน้าก็อาจต้องไปอยุ่ ตปท. กับพี่ชาย และพี่สาว แต่ประเด็นมัน คือ เมื่อ 5 วันก่อน เราอะไปคุยกับเขาตรงๆ ว่าเหมือนเขาไม่เห็นเราเป็นเพื่อนเขาเลย เรายอมรับนะว่า บางทีก็ชอบไปเซ้าซี้ เวลาเราเอาของไรให้เขาแล้วเขาไม่รับ เรามักจะบอกว่า เอาไปเถอะ ถ้าเกรงใจก็เอาคำว่าเพื่อนมาตอบแทน เป็นประจำ หรือชอบไปถามจู้จี้จุกจิก เช่น พ่อเขา รพ. เปนไงมั่ง หาหมออะไร (พอดี พ่อเขาหาหมอ รพ. เดียวกับยายเรา) หรือช่วงสงกรานต์เราก็ถามว่าไปเล่นน้ำที่ไหน แต่มีวันนึง เขากับแม่ออกจากบ้านไปตอนเที่ยงคืนกว่า เราก็เลยไปถามใน แชทเฟซบุ๊คว่า ไปเที่ยวไหนเหรอ แต่อ่านก็ไม่ตอบ ไม่ตอบ จนเราหงุดหงิด มีบางครั้งเราเอาของกินไปให้แม่เขาที่บ้านเราไปเห็นว่าของที่เราฝากให้เขาเอาไปพ่อเขาที่ รพ. ให้ไปเป็นเดือน (เป็นครีมที่ใช้ทารอบรูทวารป้องกันอุจจาุระ ปัสสาสะกัด พอดีรุ่นพี่เขาเรียนที่ ตปท. แล้วเขาเห็นว่าดีเลยส่งมาให้เรา 2 หลอด เราก็เลยแบ่งให้พ่อเขาหลอดนึง เราไว้ใช้หลอดนึง) ก็ยังไม่เอาไปให้ เราเห็นแม่เขาบอกว่า พ่อเขาทานอาหารได้น้อย กลืนลำบาก เราก็แบ่งอาหารเจลลี่โภชนาพระราชทานที่เราไปรับให้ยายเราแบ่งให้กับเขาให้เอาไปให้พ่อเขา เช่นเดียวกับของที่เราฝากเอาไปให้แฟนเขา มีบางครั้งที่แม่เราก็แอบมาถามเราว่า เขาเป็นอะไรรึเปล่าทำมดูเหมือนจงเกลียดจงชังบ้านเราัจังเลย ที่แม่ไปชวนคุย เขาก็ไม่คุย ที่ลุงอีกบ้านไปชวนคุยก็ไปคุย เจอแม่ทักบ้างไม่ทักบ้าง
จนทำให้เรารู้สึกว่า เหมือนเขาไม่เห็นค่าในน้ำใจของบ้านเราเลย (ถึงแม้ว่าเราจะจู้จี้ เซ้าซี้ ยุ่มย่าม เราก็ผิดนะ) จนมันเกิดรู้สึกโกรธแบบบอกไม่ถูก ใช่ว่าเขาจะไม่มีน้ำใจ เช่น บ้านเราไม่มี safety cut เขาก็บอกให้เราไปซื้อเดี๋ยวเขามาติดให้ เคยให้เราอาศัยรถ เคยเอาขนมให้เราบ้าง เคยอาสาจะไปซื้อยา เสียค่าไฟ ให้เรา แต่ในความรู้สึกเหมือนมันตะหงิดๆ บอกไม่ถูก เช่น เรื่อง จดหมาย เราเก็บให้เขาตลอดไม่เคยเปิดอ่าน แต่พอคุยกันมันกลายเป็นว่า จดหมายเป็นเรื่องส่วนตัว อย่าเก็บให้ได้มั้ย คือ คำพูดเขาวันนั้นทำให้เรารุ้สึกเลยว่า ไร้ค่า สิ่งที่ให่ไปไร้ค่าหมดเลย ถึงแม้ว่า ตอนหลังจะมาขอโทษเรา บอกเราว่า เรื่องของเรื่องอะมาจากนิสัยไม่ดีของเขาเอง ที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร เลยสนิทกับคนยาก แต่ก็ยอมรับว่าเรากับแม่เราอะดีมาก ถ้าอยากจะสนิทก็ต้องใช้เวลาเดี๋ยวก็สนิทเองอะ ของอะไม่ต้องมาให้เยอะ มันจะมีแต่ความเกรงใจ จนไม่มีคำว่าเพื่อน เรายอมรับเราเป็นคนแคร์คนอื่นมาก เพราะ อาจเหงา ทุกวันนี้เพื่อนก็แทบไม่มี วันๆอยู่แต่บ้านดูแต่ยาย ทำมา 3 ปั ตอนนี้ก็ 30 แล้ว
เราก็เลยสงสัยว่า ตกลงว่าน้ำใจเรานี่ซื้อใจเขาไม่ได้เลยเหรอ ทำไมถึงต้องทำให้เราเสียความรู้สึกขนาดนี้ ถึงแม้ว่าบางครั้งมันจะมากเกินไปก็จริง แต่มันก็เป็นน้ำใจของเราที่มีให้เขาไม่ใช่เหรอ ถ้าเราไม่จริงใจกับเขาตลอดเวลา 1 ปีกว่าเราคงไม่ให้บ่อยขนาดนี้หรอก แต่ในทางกลับกันเขากลับตอบแทนบ้านเราด้วย การทำให้เสียความรู้สึกแบบนี้เหรอ ไม่ว่าจะคบกันในสถานะไหน เพื่อน พี่ น้อง เราก็ควรจะต้องคนละครึ่งครึ่ง ไม่ใช่ว่าเราต้องทำตามที่เขาต้องการหมด หรือเขามาทำทีเราต้องการหมด เราบอกตามตรงว่าเราต้องการแค่คำว่า เพื่อนสนิท จากเขา
ตกลงเรื่องนี้บ้านเราผิดใช่มั้ย ถ้าจะแก้ไขควรทำอย่างไร เพราะ มาอยู่ที่นี่ เพื่อนบ้านก็ต่างคนต่างอยู๋ แทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันเลย เราก็ไม่ค่อยชอบ เพราะ เราอยุ่ตึกแถวมาแต่เด็ก วิ่งเล่น พูดคุย กับเพื่อนบ้านตลอด
ต้องขออภัยด้วยถ้าอ่านแล้ว งง พอดีเราเป็นคนเรียบเรียงไม่เก่ง บวกกับมึนๆงงๆ เพราะ ฤทธิ์ยาแก้เครียด ขอบคุณครับ
มีปัญหากะเพื่อนบ้านที่มีโลกส่วนตัวสูง
แต่ปัญหามันอยู่ที่ลูกคนเล็กของบ้านนี้ ซึ่งอายุเท่าเรา เป็นคนโลกส่วนตัวสูง แล้วอนาคตต่อไป อาจต้องอยู่กับเขาไปอีกนาน และเป็นส่วนใหญ๋ ถ้าพ่อเขาเสีย (ตอนนี้เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย) คุณน้าก็อาจต้องไปอยุ่ ตปท. กับพี่ชาย และพี่สาว แต่ประเด็นมัน คือ เมื่อ 5 วันก่อน เราอะไปคุยกับเขาตรงๆ ว่าเหมือนเขาไม่เห็นเราเป็นเพื่อนเขาเลย เรายอมรับนะว่า บางทีก็ชอบไปเซ้าซี้ เวลาเราเอาของไรให้เขาแล้วเขาไม่รับ เรามักจะบอกว่า เอาไปเถอะ ถ้าเกรงใจก็เอาคำว่าเพื่อนมาตอบแทน เป็นประจำ หรือชอบไปถามจู้จี้จุกจิก เช่น พ่อเขา รพ. เปนไงมั่ง หาหมออะไร (พอดี พ่อเขาหาหมอ รพ. เดียวกับยายเรา) หรือช่วงสงกรานต์เราก็ถามว่าไปเล่นน้ำที่ไหน แต่มีวันนึง เขากับแม่ออกจากบ้านไปตอนเที่ยงคืนกว่า เราก็เลยไปถามใน แชทเฟซบุ๊คว่า ไปเที่ยวไหนเหรอ แต่อ่านก็ไม่ตอบ ไม่ตอบ จนเราหงุดหงิด มีบางครั้งเราเอาของกินไปให้แม่เขาที่บ้านเราไปเห็นว่าของที่เราฝากให้เขาเอาไปพ่อเขาที่ รพ. ให้ไปเป็นเดือน (เป็นครีมที่ใช้ทารอบรูทวารป้องกันอุจจาุระ ปัสสาสะกัด พอดีรุ่นพี่เขาเรียนที่ ตปท. แล้วเขาเห็นว่าดีเลยส่งมาให้เรา 2 หลอด เราก็เลยแบ่งให้พ่อเขาหลอดนึง เราไว้ใช้หลอดนึง) ก็ยังไม่เอาไปให้ เราเห็นแม่เขาบอกว่า พ่อเขาทานอาหารได้น้อย กลืนลำบาก เราก็แบ่งอาหารเจลลี่โภชนาพระราชทานที่เราไปรับให้ยายเราแบ่งให้กับเขาให้เอาไปให้พ่อเขา เช่นเดียวกับของที่เราฝากเอาไปให้แฟนเขา มีบางครั้งที่แม่เราก็แอบมาถามเราว่า เขาเป็นอะไรรึเปล่าทำมดูเหมือนจงเกลียดจงชังบ้านเราัจังเลย ที่แม่ไปชวนคุย เขาก็ไม่คุย ที่ลุงอีกบ้านไปชวนคุยก็ไปคุย เจอแม่ทักบ้างไม่ทักบ้าง
จนทำให้เรารู้สึกว่า เหมือนเขาไม่เห็นค่าในน้ำใจของบ้านเราเลย (ถึงแม้ว่าเราจะจู้จี้ เซ้าซี้ ยุ่มย่าม เราก็ผิดนะ) จนมันเกิดรู้สึกโกรธแบบบอกไม่ถูก ใช่ว่าเขาจะไม่มีน้ำใจ เช่น บ้านเราไม่มี safety cut เขาก็บอกให้เราไปซื้อเดี๋ยวเขามาติดให้ เคยให้เราอาศัยรถ เคยเอาขนมให้เราบ้าง เคยอาสาจะไปซื้อยา เสียค่าไฟ ให้เรา แต่ในความรู้สึกเหมือนมันตะหงิดๆ บอกไม่ถูก เช่น เรื่อง จดหมาย เราเก็บให้เขาตลอดไม่เคยเปิดอ่าน แต่พอคุยกันมันกลายเป็นว่า จดหมายเป็นเรื่องส่วนตัว อย่าเก็บให้ได้มั้ย คือ คำพูดเขาวันนั้นทำให้เรารุ้สึกเลยว่า ไร้ค่า สิ่งที่ให่ไปไร้ค่าหมดเลย ถึงแม้ว่า ตอนหลังจะมาขอโทษเรา บอกเราว่า เรื่องของเรื่องอะมาจากนิสัยไม่ดีของเขาเอง ที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร เลยสนิทกับคนยาก แต่ก็ยอมรับว่าเรากับแม่เราอะดีมาก ถ้าอยากจะสนิทก็ต้องใช้เวลาเดี๋ยวก็สนิทเองอะ ของอะไม่ต้องมาให้เยอะ มันจะมีแต่ความเกรงใจ จนไม่มีคำว่าเพื่อน เรายอมรับเราเป็นคนแคร์คนอื่นมาก เพราะ อาจเหงา ทุกวันนี้เพื่อนก็แทบไม่มี วันๆอยู่แต่บ้านดูแต่ยาย ทำมา 3 ปั ตอนนี้ก็ 30 แล้ว
เราก็เลยสงสัยว่า ตกลงว่าน้ำใจเรานี่ซื้อใจเขาไม่ได้เลยเหรอ ทำไมถึงต้องทำให้เราเสียความรู้สึกขนาดนี้ ถึงแม้ว่าบางครั้งมันจะมากเกินไปก็จริง แต่มันก็เป็นน้ำใจของเราที่มีให้เขาไม่ใช่เหรอ ถ้าเราไม่จริงใจกับเขาตลอดเวลา 1 ปีกว่าเราคงไม่ให้บ่อยขนาดนี้หรอก แต่ในทางกลับกันเขากลับตอบแทนบ้านเราด้วย การทำให้เสียความรู้สึกแบบนี้เหรอ ไม่ว่าจะคบกันในสถานะไหน เพื่อน พี่ น้อง เราก็ควรจะต้องคนละครึ่งครึ่ง ไม่ใช่ว่าเราต้องทำตามที่เขาต้องการหมด หรือเขามาทำทีเราต้องการหมด เราบอกตามตรงว่าเราต้องการแค่คำว่า เพื่อนสนิท จากเขา
ตกลงเรื่องนี้บ้านเราผิดใช่มั้ย ถ้าจะแก้ไขควรทำอย่างไร เพราะ มาอยู่ที่นี่ เพื่อนบ้านก็ต่างคนต่างอยู๋ แทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันเลย เราก็ไม่ค่อยชอบ เพราะ เราอยุ่ตึกแถวมาแต่เด็ก วิ่งเล่น พูดคุย กับเพื่อนบ้านตลอด
ต้องขออภัยด้วยถ้าอ่านแล้ว งง พอดีเราเป็นคนเรียบเรียงไม่เก่ง บวกกับมึนๆงงๆ เพราะ ฤทธิ์ยาแก้เครียด ขอบคุณครับ